Sunday, October 22, 2006

กุยแก ฟ่งเซี่ยว สุดยอดแห่งการวิเคราะห์



กุยแกเป็นชาวอิ่งชวน เอี๋ยงตี๋ (เมืองอวี๋ มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) เกิดปลายรัชสมัยตงฮั่น ในวัยเยาว์กุยแกเก็บตัวอยู่บ้าน ตั้งหน้าตั้งตาศึกศาหาความรู้ ไม่ว่าจะด้าน การเมือง การทหาร และประวัติศาสตร์ จนแตกฉาน จนเมื่ออายุได้ 27 ปี ได้รับราชการกับโจโฉ โดยการแนะนำของซุนฮก โดยเมื่อโจโฉได้ประกาศรับผู้มีความรู้ความสา มารถมาร่วมทำงานก็ได้ ซุนฮก และซุนฮกได้แนะนำตัวเทียหยกให้กับโจโฉ และเทียหยกได้บอกกับซุนฮกว่า " ยังมีหนุ่มอีกคนที่มีสติปัญญาความรู้แตกฉาน คนนั้นอยู่บ้านเดียวกับท่าน แซ่กุย ชื่อแก ชื่อรอง เฟิ่งเซี่ยว ไฉนท่านจึงไม่ไปเชิญตัวมาเล่า! ? "

ซุนฮกจึงได้เสนอต่อโจโฉ และได้เชิญกุยแกมา (แต่ในประวัติศาสตร์จริงกุยแกได้ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวก่อนและเมื่ออยู่ไปได้ไม่นานก็เริ่มไม่ชอบใจอ้วนเสี้ยว เพราะ อ้วนเสี้ยวนั้นต้องการผู้มีความรู้จริง แต่กลับใช้ไม่เป็นดั่งวานรได้แก้วจึงได้ ปลีกตัวออกมาเงียบๆ และได้รับการเชิญจากซุนฮก จนได้พบกับโจโฉ และสนทนากัน ถูกใจจึงรับราชการด้วยโจโฉ) เมื่อโจโฉได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นต่างๆกับกุยแกก็ เริ่มรู้สึกถูกใจ จนถึงกับบอกว่า " การใหญ่ของข้าจะสำเร็จก็เพราะด้วย กุยแก นี้แหละ !! " และหลังจากสนทนากับโจโฉแล้ว กุยแกก็ถึงกับอดมิได้ที่จะชมโจโฉจนกล่าวว่า " ท่านโจโฉนี้แหละที่จะเป็นนายข้าที่จะฝากความหวังไว้กับตัวท่าน!! " ซึ่งทั้งสองต่างชื่นชมกัน และกัน หลังจากนั้น โจโฉได้แต่งตั้งให้กุยแกเป็นเสนาธิการทหาร ในเดือน 10 เจี้ยนอันศก ปีที่ 1 ตรงกับ ค.ศ. 196 และหลังจากนั้น โจโฉก็ได้แต่ตั้งกุยแก เป็นกุนซือ

หลังจากนั้น เมื่อโจโฉยกทัพไปปราบลิโป้ แต่ครั้นนั้น เกิดกบฏขึ้น เมืองของโจโฉหลายเมืองถูกยึดไป ยังเหลือแต่เมืองที่ซุนฮก และ เทียหยกป้องกันเมืองไว้ โจโฉจึงต้องยกทัพกลับ และอีกไม่นานเล่าปี่ก็หนีมาอยู่กับโจโฉเพราะลิโป้ตีแตก เมื่อเล่าปี่มาอาศัยโจโฉ โจโฉก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับ หลังจากงานเลี้ยง ซุนฮกก็เข้ามาบอกกับโจโฉว่า "เล่าปี่นั้น เป็นตัวอันตราย หาสมควรเลี้ยวไว้ไม่ ควร รีบกำจัดเสีย!" แต่โจโฉก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เมื่อซุนฮกลาไป และกุยแกเข้ามา โจโฉจึงปรึกษากับกุยแกว่า "ซุนฮกจะให้ข้ากำจัดเล่าปี่ ท่านเห็นเป็นประการใด! ?" กุยแกจึงกล่าวว่า"จะทำเช่นนั้นหาสมควรไม่ ท่านนำกองทัพปราบเหล่าโจร สร้างความร่มเย็นแก่ไพร่ฟ้า มวลราษฎร พิทักษ์คนดีเชิดชูคุณธรรมเพื่อให้เหล่าวีรบุรุษเลื่อมใสศรัธา ยกย่องจะได้มาร่วมเป็นกำลังให้ท่าน แต่เล่าปี่นี้เป็นที่ รู้จักแก่หลายท่าน ซึ่งหนีร้อนมาพึ่งเย็นหากท่านกำจัดเสีย ผู้มีปัญญาความสามารถที่ใดจะมาร่วมกับเราปราบเสี้ยนหนามแผ่นดินเล่า! ?"

หลังจากนั้นโจโฉก็ประกาศแต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นข้าหลวง เทียหยกจึงเสนอว่า"เล่าปี่นี้ไม่ยอมเป็นสองรองใคร สู้กำจัดเสียบัดนี้มิดีกว่าหรือ ?" โจโฉจึงบอกว่า "ข้ากับกุยแกคิดตรงกันแล้ว ว่าหากกำจัดเล่าปี่ไปแล้วใครที่ไหนจะมาอยากเข้าด้วยเรา" จึงปฎิเสธข้อเสนอของเทียหยกไป

เป็นที่น่าสังเกตุว่า กุนซือของโจโฉในขณะนั้นไม่ว่าจะ ซุนฮก และเทียหยก ต่างเสนอให้โจโฉกำจัดเล่าปี่ แต่ความคิดของกุยแกดูจะเหนือกว่า ด้วยเหตุผล จนเป็นเหตุผลที่โจโฉยอมรับ

เจี้ยนอันศก ปีที่ 3 ตรงกับ ค.ศ. 198 โจโฉตัดสินใจบุกไปกำจัดลิโป้ก่อนแต่ในกองทัพมีความเห็นที่ขัดแย้งกันว่า เล่าเปียว และเตียวสิ้ว อยู่หลังหากฉวยโอกาส ตอนเราไปตีลิโป้ แล้วมาตีชิงเมืองเรา เราจะเสียขวัญกัน โจโฉจึงเรียกกุยแกและซุนฮกเข้ามาปรึกษา ว่า"บัดนี้เราต้องการยกทัพปราบโจรแผ่นดิน แต่กำลังทหารน้อยนักควรจะทำประการใดดี! ?" ซุนฮกเห็นว่า ควรตีลิโป้ก่อน โดยเห็นว่า " หากไม่ตีลิโป้ก่อน อ้วนเสี้ยวที่เหอเป่ยก็ยากจะเอาชนะได้!" กุยแกก็กล่าวว่า"เวลานี้อ้วนเสี้ยวกำลังล้อมตีกองซุนจ้านอยู่ทางภาคเหนือ
ควรฉวยโอกาสนี้บุกตีลิโป้ก่อน เพราะหากอ้วนเสี้ยวบุกมาเมื่อไหร่ แล้วลิโป้ร่วมมือบุกตีกระหนาบเราแล้วเราก็จักเป็นภัยแก่ทัพเรา" ซุนฮิวกล่าวว่า "ลิโป้นั้นเป็นยอดฝีมือเหี้ยมหาญ หากปล่อยนานไปแล้วตั้งตนเองได้การสนับสนุนจากผู้มีความสามารถมากแล้วหาก เราจะไปปราบก็คงยาก ควรฉวยโอกาสขณะที่ลิโป้ตั้งตัวใหม่ๆรีบชิงลงมือเสียก่อนจักต้องสำเร็จแน่!" ภายใต้การวางแผนของบรรดา กุนซือของโจโฉ ในฤดูใบไม้ร่วงโจโฉได้นำทัพไปตะวันออกเพื่อปราบลิโป้ และหลักจากนั้นก็เกิดการรบพุ่งกันเกิดขึ้น

ทหารลิโป้นั้น ป้องกันเมืองหนาแน่น ซุนฮิวกับกุยแก จึงร่วมกันเสนอแผน ทดน้ำแล้วปล่อยให้มะลักเข้าเมือง และไม่นานก็สามารถจัดการลิโป้ลงได้ ต่อมาโจโฉก็เริ่มปราบก๊กต่างๆ ทั้ง เตียวสิ้ว อ้วนสุด จนเปลี่ยนจากฝ่ายเสียเปรียบจนเริ่มมั่นคงโดยมีกุยแกคอยเป็นกุนซือออกอุบาย จนอาณาเขตของโจโฉเริ่มแผ่ขยายออกไป

ในช่วงเวลาหนึ่งที่มีข่าวมาว่า ซุนเซ็กแห่งกังตั๋งจะบุกมาฮูโต๋ ทหารโจโฉถึงกับเสียขวัญเป็นอันมาก แต่กุยแกกลับไม่เกรง และกล่าวกับโจโฉว่า"ซุนเซ็กเป็นคนที่รบเก่งทหารของเขาล้วนชำนาญศึกหาข้อบกพร่องได้ยาก แต่จุดนี้เองกลับกลายเป็นจุดอ่อนของเขา ถึงแม้นซุนเซ็กจะมีกำลังร้อยหมื่น เขาก็เหมือนอยู่ลำพังในทุ่งกว้าง วิธีจะกำจัดเขาไม่จำเป็นต้องใช้ทหารจำนานมาก เพียงใช้แต่ยอดฝีมือ เพียงคนเดียวก็จัดการกับเขาได้ ข้าพเจ้าคิดว่า คนบ้าบิ่นอย่างซุนเซ็กคงจะตายโหงเพราะถูกลอบสังหารเป็นแน่แท้" กุยแกได้ทำนายล่วงหน้า ราวกับตาเห็นจริงๆ อีกไม่นานซุนเซ็กก็ถูกทหารเลวลูกน้องเจ้าเมืองที่ซุนเซ็กสั่งประหารในฐานะกบฏจึงมีใจเจ็บแค้น เป็นอันว่าคำทำนายของ กุยแกก็แม่นยำ โดยไม่ต้องพึ่งพา ดินฟ้าอากาศภูติผีปิศาจที่ไหนเพียงอ่านบุคลิกและภูมิหลังของคนและวิเคราะห์เจาะลึกก็วินิจฉัยออกมาได้

ครั้นก่อนเกิดศึกที่กัวต๋อกุยแกได้วิเคราะห์สภาพการต่างๆเกี่ยวกับทางฝ่ายอ้วนเสี้ยวและได้ เปรียบเทียบอ้วนเสี้ยวกับโจโฉโดย โจโฉชนะอ้วนเสี้ยวถึง 10 ประการ

" ท่านชนะสิบประการนั้นคือ ท่านมิได้ถือตัว ถึงกระทำการสิ่งใด ถ้าผู้น้อยจะขัดท่านว่าผิดแลชอบ ท่านก็เห็นด้วยประการหนึ่ง น้ำใจท่านโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งวง แล้วจะทำการสิ่งใดก็ถือเอารับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นประมาณ คนทั้งหลายก็ยินดีด้วย ประการหนึ่ง ท่านจะว่ากล่าวสิ่งใดก็สิทธิ์ขาดมีสง่า คนทั้งปวงยำเกรงเป็นอันมากประการหนึ่ง ท่านใจสัตย์ซื่อเลี้ยงทหารโดยยุติธรรม ญาติพี่น้อง ผิดก็ว่ากล่าวมิเข้าด้วยผู้ผิด ประการหนึ่ง ท่านจะคิดทำการส่งใดเห็นเป็นความชอบก็ตั้งใจทำไปจนสำเร็จประการหนึ่ง ท่านจะรักผู้ใดก็รักโดยสุจริตมิได้ล่อลวงประการหนึ่ง ท่านเลี้ยงคนซึ่งอยู่ใกล้กับอยู่ไกล ถ้าดีแล้วเลี้ยงเสมอกันประการหนึ่ง ท่านจะทำการสิ่งใดก็ทำตามขนบธรรมเนียมโบราณประการหนึ่ง ท่านชำนาญกลสงคราม ถึงกำลังข้าศึกมากกว่าท่านก็คิดเอาชนะ ได้สิบประการ

ฝ่ายอ้วนเสี้ยวจะแพ้ท่านสิบประการนั้นคือ อ้วนเสี้ยวเป็นคนถืออิสริยยศ มิได้เอาความคิดผู้ใดประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบเข้าทำการ โดยโวหารประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะว่ากิจการสิ่งใดมิได้สิทธิขาดประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตัว มิได้ว่ากล่าวตามผิด และชอบประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะคิดการสิ่งใดมักกลับเอาดีเป็นร้าย เอาร้ายเป็นดี มิได้เชื่อใจของตัวประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะเลี้ยงผู้ใด มิได้ปกติ ต่อหน้าว่ารัก ลับหลังว่าชังประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวมักรักคนชิดซึ่งประสมประสาน ผู้ใดห่างเหินถึงซื่อสัตย์ก็มีใจชังประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวกระทำความผิดต่าง ๆ เพราะฟังคำยุยงประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจะทำการสิ่งใดเอาแต่อำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียม โบราณประการหนึ่ง อ้วนเสี้ยวมิได้รู้กลศึก แต่มักพอใจทำการศึกล่อลวง จะชนะก็ไม่รู้จะแพ้ก็ไม่รู้ เป็นสิบประการ"

คำกล่าวของกุยแกนี้นับว่าฟังดีแท้ ซึ่งแสดงถึงลักษณะนิสัยของโจโฉและอ้วนเสี้ยวอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนี้โจโฉก็กรีฑาทัพขึ้นเหนือ เพื่อรบกับอ้วนเสี้ยว ในเวลาต่อมา กลายเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่อีกศึกในประวัติศาสตร์สามก๊ก เรียกว่า ยุทธการกัวต๋อ

Saturday, October 07, 2006

สิ่งสำคัญ

“อะไรในโลกนี้ยาวที่สุดแต่ก็สั้นที่สุด

เร็วที่สุดแต่ก็ช้าที่สุด

ตัดแบ่งได้มากที่สุดแต่ก็ยาวนานที่สุด

ไม่มีใครเห็นความสำคัญแม้แต่น้อย ครั้นเสียไปแล้วก็เสียดายกันมากที่สุด

ถ้าไม่มีมันแล้วจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ

มันทำให้ของเล็กจ้อยทุกสิ่งมลายหายไปในที่สุด

และทำให้ของที่ยิ่งใหญ่ทุกสิ่งเป็นอมตะนิรันดร์กาล”

ใบ้ให้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ทุกคนมีเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
Music Video:ONLY TIME (by Enya)

Music Video Code provided by VideoCodeZone.Com